สารบัญ

น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล
น้ำส้มสายชูหมักหรือภาษาอังกฤษเรียกว่า “Vinegar” เป็นอาหารจากธรรมชาติอย่างหนึ่งที่ใช้กันมาตั้งแต่ยุคโบราณ มีประวัติศาสตร์การใช้น้ำสัมสายชูหมักมายาวนานหลายพันปีทั่วโลก ร่องรอยเกี่ยวกับการใช้น้ำส้มสายชูหมักที่เก่าแก่ที่สุดพบในประเทศอียิปต์ เมื่อประมาณ 3,000 ปีก่อนคริสตกาล
น้ำส้มสายชูหมักผลิตอย่างไร ?
ในสมัยก่อน (หรือแม้กระทั่งปัจจุบันสำหรับผู้ที่ผลิตใช้เอง) การผลิตน้ำส้มสายชูหมักจะนำพืชที่ต้องการหมักใส่ลงในภาชนะที่มีน้ำอยู่ เสร็จแล้วปิดฝาแล้วทิ้งไว้ให้เกิดความเป็นกรดและรสเปรี้ยวตามธรรมชาติ แบคมีเรียมีประโยชน์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจะทำหน้าที่นี้ โดยมีความเชื่อว่ายิ่งบ่มนานน้ำส้มสายชูหมักนั้นยิ่งดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพมาก ซึ่งอาจต้องใช้เวลาหมักนานหลายเดือนหรือเป็นปีก็ได้
ในปัจจุบันการผลิตน้ำส้มสายชูหมักในเชิงอุตสาหกรรม จะมีการเติมจุลินทรีย์บางชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพื่อเข้าไปเร่งปฏิกิริยาให้ได้น้ำส้มสายชูหมักเร็วขึ้น จึงใช้เวลาในการผลิตน้อยลงเหลือเพียง 1-3 วันเท่านั้น
ประโยชน์ของน้ำส้มสายชูหมักต่อโรคกระดูกพรุน
น้ำส้มสายชูหมักมีประโยชน์ค่อนข้างหลากหลาย แต่ในส่วนที่เกียวข้องกับโรคกระดูกพรุนมีอยู่ 2 ข้อดังต่อไปนี้
1. น้ำส้มสายชูหมักช่วยในการดูดซึมแคลเซียม
น้ำส้มสายชูหมักมีกรดอะซิติกจากธรรมชาติอยู่สูง กรดชนิดนี้จะช่วยเพิ่มการดูดซึมเกลือแร่ (mineral = เกลือแร่) จากอาหารที่เรารับประทานเข้าไป ดังนั้น การดื่มน้ำส้มสายชูหมักก่อนมื้ออาหารหรือพร้อมกับมื้ออาหารจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการดูดซึมเกลือแร่จากอาหารได้มากยิ่งขึ้น
ผู้ที่ประสบปัญหาโรคกระดูกบางหรือโรคกระดูกพรุนจำเป็นต้องได้รับแคลเซียมจากอาหารในปริมาณที่เพียงพอในแต่ละวัน น้ำส้มสายชูหมักจึงมีประโยชน์มากต่อผู้ที่ประสบปัญหาโรคกระดูกพรุน เพราะแคลเซียมเป็นเกลือแร่ชนิดหนึ่ง การดื่มน้ำส้มสายชูหมักจึงช่วยในการดูดซึมแคลเซียมจากอาหารเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้นด้วย
2. น้ำส้มสายชูหมักเป็นอาหารด่าง (Alkalizing Food)
ค่าความเป็นกรดด่างเราจะวัดจากค่า pH น้ำส้มสายชูหมักเองมีค่า pH อยู่ที่ประมาณ 2.6 – 5 ซึ่งถือว่าเป็นกรด อย่างไรก็ตาม แม้ว่าค่าความเป็นกรดด่างหรือค่า pH ของน้ำสัมสายชูหมักจะเป็นกรด แต่หลังจากที่ร่างกายได้เผาผลาญและดูดซึมไปใช้แล้ว ผลที่ได้ต่อร่างกายกลับเป็นด่าง กล่าวคือ ช่วยให้เลือดมีค่า pH อยู่ในช่วง 7.35 – 7.45 (มีความเป็นด่างเล็กน้อย) ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายมีความสมดุลและสุขภาพดี ภาวะที่ร่างกายมีความสมดุล จะมีอัตราการสร้างกระดูกมากกว่าการสลายกระดูก เราจึงอาจกล่าวได้ว่า น้ำส้มสายชูหมักจึงเป็นอาหารด่างที่ช่วยปรับสมดุลร่างกาย ช่วยรักษามวลกระดูกและเสริมสร้างให้กระดูกมีความแข็งแรงมากขึ้นได้
น้ำส้มสายชูหมักแบบไหนดี ?

น้ำส้มสายชูหมักที่มีวางจำหน่ายตามซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป
น้ำส้มสายชูหมักมีอยู่หลายชนิด แต่ละชนิดแตกต่างกันตรงวัตถุดิบที่ใช้หมัก เช่น แอปเปิ้ล อ้อย องุ่น ลูกเกด ข้าว เชอรี่ กีวี เป็นต้น ในประเทศไทยเท่าที่ผู้เขียนทราบจะมีให้เลือกอยู่หลายแบบ เช่น
- น้ำสัมสายชูหมักจากแอปเปิ้ล อันนี้มีมากที่สุด มีอยู่หลายยี่ห้อ
- น้ำส้มสายชูหมักจากผลไม้รวม
- น้ำส้มสายชูหมักจากไวน์ทั้งไวน์แดงและไวน์ขาว
- น้ำส้มสายชูหมักจากข้าวทั้งข้าวขาวธรรมดาและข้าวกล้อง
น้ำส้มสายชูหมักทุกชนิดที่กล่าวมามีจำหน่ายและหาซื้อได้ในประเทศไทย ตามซูเปอร์มาเก็ตทั่วไป
ในต่างประเทศน้ำส้มสายชูหมักที่ทำจากแอปเปิ้ล (Apple cider vinegar) ได้รับความนิยมมากที่สุด ข้อมูลส่วนมากที่หาได้จึงมักจะเกียวกับน้ำส้มสายชูหมักชนิดนี้ อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติและประโยชน์ของน้ำส้มสายชูหมักแต่ละชนิดแตกต่างกัน การเลือกใช้จึงต้องเลือกให้ดี น้ำส้มสายชูหมักหลายชนิดที่ทานเข้าไปแล้วสร้างภาวะกรดให้กับร่างกาย ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้สูญเสียมวลกระดูก ผู้เขียนแนะนำให้ใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลหรือน้ำส้มสายชูหมักที่ทำจากผลไม้รวม เพราะผู้คนทั่วโลกมีการบริโภคกันอย่างแพร่หลาย และผ่านการพิสูจน์จากคนจำนวนมากว่าดีต่อสุขภาพจริงๆ
วิธีการเลือกน้ำส้มสายชูหมักที่ดีง่ายนิดเดียว คือ เลือกใช้แบบที่ไม่กลั่นหรือไม่กรอง น้ำส้มสายชูกลั่นและน้ำส้มสายชูที่ผ่านการกรองจะใสไม่มีใยหรือตะกอน (ฝรั่งเค้าจะเรียกตะกอนหรือใยพวกนี้ว่า “mother”) ซึ่งใยหรือตะกอนนี้เป็นส่วนที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก เวลาเลือกซื้อลองสังเกตได้ จากการเขย่าขวดดู ถ้ามีตะกอนหรือเห็นเป็นใยลอยอยู่ก็ถือว่าใช้ได้ ในส่วนของความสะอาดและความปลอดภัย ให้เรามองหาเครื่องหมาย อย. ถ้ามีครบตามนี้ก็ถือว่าโอเคแล้ว
วิธีรับประทานน้ำส้มสายชูหมัก
เนื่องจากน้ำส้มสายชูหมักมีความเป็นกรด การดื่มแบบเพียวๆโดยไม่มีการผสมกับน้ำหรืออาหารอาจเป็นอันตรายต่อฟัน ลิ้น และช่องปากของเรา และด้วยความเป็นกรดของน้ำส้มสายชูหมักจึงทำให้มีรสเปรี้ยว การกินน้ำส้มสายชูหมักจึงมีความจำเป็นต้องมีผสมกับน้ำหรืออาหารชนิดอื่น เพื่อป้องกันช่องปากและฟันของเรา และเพื่อรสชาติที่ดีขึ้นด้วย
วิธีการที่ง่ายที่สุดในการบริโภค คือ การผสมน้ำส้มสายชูหมัก 1-2 ช้อนชาหรือ 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำอุ่นหนึ่งแก้ว เพื่อเจือจางความเป็นกรดลงไป หากท่านต้องการเติมรสหวานแนะนำให้ใช้น้ำผึ้งสักหนึ่งช้อนโต๊ะ ก็จะช่วยให้มีรสชาติที่ดีและรับประทานได้ง่ายขึ้น
แนะนำให้ทานน้ำส้มสายชูหมักผสมน้ำก่อนอาหารหรือน้ำส้มสายชูหมักผสมกับอาหาร เช่น ใช้เป็นส่วนผสมเพื่อความเปรี้ยวของน้ำสลัด เพื่อให้การดูดซึมเกลือแร่โดยเฉพาะแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายได้มากที่สุด
สรุป
น้ำส้มสายชูหมักมีประโยชน์กับผู้ที่มีปัญหากระดูกพรุน ในส่วนของการช่วยปรับและรักษาสมดุลร่างกาย เพิ่มการดูดซึมแคลเซียมจากอาหาร ซึ่งเป็นประโยชน์เพียงส่วนเดียวเท่านั้น ข้อเท็จจริง คือ น้ำส้มสายชูหมักมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยเบาหวาน เพราะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิต ลดคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยในการลดน้ำหนัก หรือแม้กระทั่งใช้เป็นน้ำยาทำความสะอาดบ้านได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ดังนั้น จึงเป็นอาหารที่ควรมีติดบ้านไว้ แนะนำให้สมาชิกในครอบครัวและเพื่อนๆได้ลองกิน เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคนครับ