สารบัญ

มะเขือเทศมีสารไลโคปิน ที่ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคกระดูกพรุน
มะเขือเทศ เป็นผลไม้ที่มักถูกเข้าใจว่าเป็นผัก (ตามหลักพฤกษศาสตร์) ด้วยรสชาติที่อร่อยเมื่อใช้เป็นส่วนผสมของอาหารชนิดต่างๆ เช่น ส้มตำ ซอสสปาเกตตี้ หรือนำมาทานแบบสดๆก็รสชาติดีไม่แพ้กัน ทำให้มะเขือเทศเป็นอาหารที่ผู้คนทั่วโลกให้ความนิยม ซึ่งในปีหนึ่งๆมีคนทั่วโลกบริโภคมะเขือเทศมากกว่า 90 ล้านตันกันเลยทีเดียว
หลายท่านอาจจะยังไม่ทราบว่า มะเขือเทศที่เรากินกันเป็นประจำมีสรรพคุณหรือมีคุณสมบัติที่ช่วยในเรื่องการบำรุงสุขภาพกระดูก ซึ่งมีผลงานวิจัยมากมายจากทั่วโลกที่รับรองในเรื่องนี้ ลองดูต่อ
มะเขือเทศดีต่อกระดูกอย่างไร ?
มะเขือเทศมีสารสำคัญที่เรียกว่า “ไลโคปิน” อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้มะเขือเทศมีสีค่อนข้างออกแดง เราสามารถพบไลโคปินได้ในผลไม้สีแดง เช่น แตงโม สตอเบอรรี่ รวมทั้งผักผลไม้ชนิดอื่นที่มีสีแดง
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยโตรอนโต ประเทศสหรัฐอเมริกา ของ Dr.Rao พบว่าสารไลโคปินมีคุณสมบัติในการยับยั้งการสูญเสียมวลกระดูกและในขณะเดียวกันยังมีคุณสมบัติในการสร้างมวลกระดูกด้วย โดยตัวไลโคปินจะเข้าไประงับยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ทำหน้าที่ในการสลายกระดูกที่เรียกว่า Osteoclasts ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งไปกว่านั้นไลโคปินยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า อนุมูลอิสระ เป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยทุกโรค ซึ่งรวมถึงโรคกระดูกพรุนด้วย
มีผลการศึกษาที่น่าสนใจอันหนึ่ง ซึ่งถูกตีพิมพ์ในนิตยสารกระดูกพรุนแห่งชาติของอเมริกา กลุ่มตัวอย่างคือ สตรีที่อยู่ในภาวะวัยทองจำนวน 33 คน โดยศึกษาถึงผลกระทบจากการบริโภคมะเขือเทศกับภาวะการสูญเสียมวลกระดูกพบกว่า สตรีวัยทองที่บริโภคมะเขือเทศมากที่สุด สูญเสียมวลกระดูกน้อยที่สุด โดยทานซอสมะเขือเทศเพียงวันละ 2 ช้อนโต๊ะเท่านั้น
ข้อมูลอีกด้านที่สนับสนุนว่ามะเขือเทศมีประโยชน์ต่อกระดูก คือ นักวิจัยพบว่า มีความสัมพันธ์ของจำนวนผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนในประเทศหนึ่งๆกับวัฒนธรรมการบริโภคมะเขือเทศ กล่าวคือ ประเทศที่มีวัฒนธรรมในการบริโภคมะเขือเทศหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากมะเขือเทศเป็นประจำ จะมีประชากรที่ป่วยเป็นโรคกระดูกพรุนน้อยกว่าประเทศที่ไม่ได้ทาน
ทานมะเขือเทศอย่างไรได้ผลสูงสุด ?

ซอสมะเขือเทศอุดมไปด้วยสารไลโคปิน ทานเพียงวันละ 2 ช้อนโต๊ะ ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้
จริงๆแล้วการบริโภคมะเขือเทศไม่ว่าในรูปแบบใด ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้น ไม่ว่าจะทานแบบสดๆ หรือนำไปปรุงเป็นอาหาร หรือจะทานเป็นซอสใส่สปาเกตตี้หรือพิซซ่าก็ได้ทั้งนั้น เราจึงไม่จำเป็นต้องจำกัดวิธีรับประทานแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม สารไลโคปินในมะเขือเทศจะถูกร่างกายนำไปใช้ได้ดีที่สุด ก็ต่อเมื่อ มีการนำมะเขือเทศไปปรุงกับอาหารที่มี “น้ำมัน” โดยสารไคปินจะถูกปลดปล่อยจากมะเขือเทศออกมามาก ส่งผลให้ร่างกายได้รับประโยชน์โดยการดูดซึมสารชนิดนี้ไปใช้ได้มากเช่นกัน
ไม่ชอบทานมะเขือเทศ ทานอาหารเสริมแทนได้ไหม ?
ต้องยอมรับว่ามีคนไทยจำนวนมากที่ไม่ค่อยชอบทานมะเขือเทศนัก สังเกตได้ง่ายๆจากอาหารประจำชาติไทย คือ ส้มตำ เวลาทานกันหมดสิ่งที่เหลืออยู่ในจานมักจะเป็นน้ำส้มต้ม พริก และมะเขือเทศ จริงไหมครับ ?
อาหารเสริมไลโคปินจริงๆแล้วมีขายตามท้องตลาด แต่ผู้เขียนไม่แนะนำ เพราะการทานอาหารที่ได้ประโยชน์สูงสุดจริงๆ คือ การทานอาหารสดๆหรืออาหารที่ผ่านการแปรรูปน้อย อีกทั้งในมะเขือเทศนอกจากจะมีสารไลโคปินแล้ว ยังมีสารอาหารชนิดอื่นที่ทำหน้าร่วมกับสารไลโคปิน ในการต้านสารอนุมูลอิสระ ต้านการสูญเสียมวลกระดูกและเสริมสร้างมวลกระดูก ซึ่งเป็นสิ่งที่เราควรทราบว่า ไม่มีสารอาหารชนิดใดที่ทำงานของมันอย่างโดดเดี่ยว สารอาหารชนิดหนึ่งๆมักจะต้องทำงานร่วมกับสารอาหารหลายชนิดๆเสมอ ผลดีจึงจะเกิดกับร่างกายได้
หากท่านไม่ชอบทานมะเขือเทศเราอาจหาผลไม้หรือผักทดแทน เช่น แตงโม ฝรั่ง พริกหวาน อย่างไรก็ตาม ในความเห็นของผู้เขียน เดี๋ยวนี้มีมะเขือเทศที่ทานได้ง่าย รสชาติอร่อย อย่างเช่น มะเขือเทศราชินี ที่มีมีวางจำหน่ายตามตลาดทั่วไป ลองหามาทานดูท่านจะพบว่า มะเขือเทศ ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดเลย แต่ถ้าทานสดไม่ได้จริงๆก็อาจจะนำไปปั่นรวมกับผลไม้ชนิดอื่นเพื่อให้ทานง่ายขึ้น ก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด
สรุป
มะเขือเทศมีสารไลโคปินสูง ซึ่งทำหน้าที่ในการต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคทุกโรครวมถึงโรคกระดูกพรุน การทานมะเขือเทศให้ได้สารไลโคปินสูงสุดต้องนำไปประกอบอาหารที่มีน้ำมัน โดยมากแล้วชาวต่างชาติจะนำมะเขือเทศไปปรุงกับน้ำมันมะกอก ดังนั้น หากท่านอยากห่างไกลจากโรคกระดูกบางหรือกระดูกพรุน ให้พยายามทานมะเขือเทศกันเป็นประจำ รับรองได้ว่า นอกจากกระดูกจะแข็งแรงห่างไกลโรคกระดูกพรุนแล้ว ผิวพรรณยังสดใส หน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศครับ 🙂